ไม่นานมานี้มีการรายงานอย่างต่อเนื่อง ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับ “กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม” หรือ Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) โดยมีสัญญาณว่ามันกำลังเคลื่อนตัวช้าลง และมีแนวโน้มว่าจะล่มสลายภายในศตวรรษนี้
อย่างไรก็ดี หลายคนที่ได้อ่านหรือได้ฟังรายงานดังกล่าว อาจยังไม่เห็นภาพหรือเข้าใจดีนักว่า เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างไร และจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้างต่อผู้คนและโลก
หายนะสภาพอากาศโลก! ระบบ “กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม” อาจล่มสลายในปี 2025
วิจัยใหม่ยืนยัน “กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม” กำลังอ่อนลงจริง
“กัลฟ์สตรีม” คืออะไร?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า มหาสมุทรจะมี “กระแสน้ำ” ที่ไหลเวียน นำน้ำจากที่หนึ่งหมุนเวียนไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งกระแสน้ำในมหาสมุทรนี้มีอิทธิพลโดยตรงต่อชีวิตของเรา เพราะมันกำหนดทั้งสภาพอากาศและภูมิอากาศ
กระแสน้ำมหาสมุทรยังนำพา “ความร้อน” จากเส้นศูนย์สูตรมาสู่ขั้วโลก พูดง่าย ๆ คือเป็นเหมือนเครื่องจักรหรือสายพานลำเลียงที่นำพาความร้อนไปสู่ที่ต่าง ๆ
ทั้งนี้ ในมหาสมุทรไม่ได้มีกระแสน้ำแค่สายเดียว แต่มีเป็นจำนวนมาก การไหลเวียนของสายพานลำเลียงเหล่านี้ทำให้ 4 ใน 5 ของมหาสมุทรบนโลกมีการแลกเปลี่ยนน้ำระหว่างกัน ก่อเกิดเป็นระบบหมุนเวียนระดับโลก
สายพานลำเลียงเหล่านี้ถูกเรียกรวม ๆ ว่า การไหลเวียนของเทอร์โมฮาไลน์ (Thermohaline Circulation) โดยที่ “เทอร์โม” หมายถึงอุณหภูมิ ส่วนคำว่า “ฮาไลน์” คือส่วนที่เป็นเกลือของน้ำ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ เป็นตัวกำหนด “ความหนาแน่นของน้ำ”
ความแตกต่างของความหนาแน่นในน้ำมหาสมุทรโลกมีส่วนในการทำให้กระแสน้ำเคลื่อนไหว โดยน้ำอุ่นมีความหนาแน่นน้อยกว่าและลอยขึ้น ในขณะที่น้ำเย็นจะจมลง รวมถึงหากน้ำมีเกลือมาก ก็จะทำให้ความหนาแน่นของน้ำมากขึ้นด้วย
กระแสน้ำกัลฟ์สตรีม เป็นส่วนหนึ่งของการไหลเวียนของเทอร์โมฮาไลน์นี้ มีต้นกำเนิดที่ปลายสุดของรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ บริเวณอ่าวเม็กซิโก เป็นกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกที่อบอุ่นและเคลื่อนตัวรวดเร็ว ทอดตัวตามแนวชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และแคนาดา วิ่งผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกไปทางยุโรป จบที่ทะเลนอร์เวย์
เมื่อไปถึงทะเลนอร์เวย์ น้ำอุ่นที่เข้ามาจะเริ่มเย็นลง และน้ำจะหนาแน่นกว่าและจม และเริ่มเคลื่อนตัวลงใต้ ในที่สุดก็ไหลไปตามก้นมหาสมุทรไปจนถึงทวีปแอนตาร์กติกา กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสน้ำอื่นที่จะพาน้ำหมุนเวียนไปทั่วโลก
“กัลฟ์สตรีม” สำคัญอย่างไร?
กัลฟ์สตรีมมีความสำคัญมากต่อภูมิอากาศยุโรป มีความยาวถึง 10,000 กิโลเมตรเป็นกระแสน้ำที่ยาวและเร็วที่สุดบนโลก และอุ่นมาก ๆ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วประมาณ 2 เมตรต่อวินาที นำพาน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีไปยังยุโรป
สิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์ได้ใช้กระแสน้ำอุ่นเป็นระบบขนส่งสำหรับการเดินทางของพวกมัน เช่น ในการอพยพย้ายถิ่นฐานชั่วคราว แต่ไม่ใช่แค่สัตว์เท่านั้น กัลฟ์สตรีมยังนำพาอากาศอุ่นปริมาณมหาศาลมากับมันด้วยคำพูดจาก สล็อต888
ถ้าจะสร้างความร้อนในระดับเดียวกันกับที่กัลฟ์สตรีมมาสู่ชายฝั่งยุโรป มีการประเมินว่า ต้องใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 1 ล้านแห่ง และนี่คือเหตุผลที่บ้างคนเรียกกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมว่าเป็น “ปั๊มความร้อน”
หากปราศจากกัลฟ์สตรีม อุณหภูมิในบริเวณนี้จะเย็นลงอย่างมาก อย่างน้อย 5-10 องศาเซลเซียส ทำให้บางส่วนของยุโรปจะปราศจากทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม แต่จะมีหน้าหนาวที่ยาวนานและน้ำแข็งปกคลุมแทน
“กัลฟ์สตรีม” จะหยุดลงได้อย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น?
ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญได้เน้นย้ำถึงความกลัวว่ากระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมจะหยุดไหลจาก “ภาวะโลกร้อน” และ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ จะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดจะไหลลงสู่มหาสมุทรมากขึ้น เกลือในมหาสมุทรจะถูกเจือจาง ลดความหนาแน่นของน้ำ ทำให้น้ำจมหรือหมุนเวียนลงไปด้านล่างได้น้อยลง เมื่อน้ำจืดเกินไป อุ่นเกินไป หรือทั้งสองอย่าง กระแสน้ำก็จะหยุดทำงาน
มีการประเมินว่า การล่มสลายของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม จะทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวที่รุนแรงมากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่บางส่วนของยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงเปลี่ยนการเคลื่อนตัวของลมมรสุมในเขตร้อน
ครั้งล่าสุดที่ระบบกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมหยุดทำงานคือเมื่อยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลงราว 11,500 ปีก่อน เมื่อธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้กัลฟ์สตรีมหยุดทำงาน ส่งผลให้อุณหภูมิในซีกโลกเหนือแปรปรวนอย่างมากถึง 10-15 องศาเซลเซียสภายในหนึ่งทศวรรษ
เรียบเรียงจาก Live Science / Met Office UK / SciJinks
ภาพจาก Shutterstock